
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หนังสือพิมพ์มหาชนและเจินฮว่าเป้าฉบับใต้ดิน ได้รายงานเหตุการณ์ปะทะครั้งนี้ว่า ในวันที่ 18 ธันวาคม 2485 ทหารญี่ปุ่นที่ควบคุมการสร้างทางรถไฟ อยู่ที่วัดดอนตูม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้ใช้ฝ่ามือตบหน้าพระภิกษุไทยรูปหนึ่งอย่างป่าเถื่อน คนไทยกำลังสร้างทางอยู่ ณ บริเวณนั้นได้เข้าห้ามปรามต่อว่าทหารญี่ปุ่นก็ถูกทหารญี่ปุ่นใช้ดาบปลายปืนไล่ทิ่มแทงและไล่ยิงคนงานจนได้รับบาดเจ็บล้มตายหลายคน
 เมื่อนายอำเภอกับหัวหน้าสถานีตำรวจบ้านโป่ง และหัวหน้าสารวัตรทหารไทยทราบเหตุก็พากันไปห้ามปรามและหยุดยั้งการใช้อำนาจป่าเถื่อนของทหารญี่ปุ่นเหล่านั้น ก็กลับถูกทหารญี่ปุ่นใช้ปืนยิงกราดเข้าใส่
เมื่อนายอำเภอกับหัวหน้าสถานีตำรวจบ้านโป่ง และหัวหน้าสารวัตรทหารไทยทราบเหตุก็พากันไปห้ามปรามและหยุดยั้งการใช้อำนาจป่าเถื่อนของทหารญี่ปุ่นเหล่านั้น ก็กลับถูกทหารญี่ปุ่นใช้ปืนยิงกราดเข้าใส่ 
ต่อมากองทหารญี่ปุ่นที่ประจำอยู่ในค่ายที่จังหวัดกาญจนบุรี ทราบข่าวก็เคลื่อนกำลัง 3 คันรถ ไปล้อมสถานีตำรวจอำเภอบ้านโป่ง จึงเกิดการยิงต่อสู้กันขึ้น ทหารญี่ปุ่นใช้ปืนกลยิงกราดอย่างดุเดือด เป็นเหตุให้ตำรวจและชาวบ้านบาดเจ็บล้มตายกว่าร้อยคน ฝ่ายญี่ปุ่นตายและบาดเจ็บ 4 คน เมื่อนายอำเภอกับหัวหน้าสถานีตำรวจ พร้อมกับนายทหารญี่ปุ่น ยศนายพันไปช่วยกันระงับการปะทะ เหตุการณ์จึงสงบลง ทางการญี่ปุ่นได้กล่าวร้ายป้ายสีว่า กรณีนี้เกิดจากการยุแหย่ของชาวจีนที่เกลียดชังญี่ปุ่น 
เหตุการณ์กรณีบ้านโป่ง ได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายไทยกับกองทัพญี่ปุ่นอยู่ในสภาพตึงเครียดมาก ผู้แทนกองทัพบกญี่ปุ่นประจำไทย ได้ส่งหนังสือประท้วงถึง จอมพล ป.พิบูลสงคราม ด้วยความเห็นอันรุนแรง เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินคดีต่อคนไทยและเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยที่ทำให้ทหารญี่ปุ่นบาดเจ็บล้มตายอย่างเฉียบขาด พร้อมทั้งขู่สำทับด้วยว่า ญี่ปุ่นจะรอดูผลการปฏิบัติของฝ่ายไทย แล้วจึงกำหนดท่าทีของฝ่ายกองทัพญี่ปุ่นต่อประเทศไทยในภายหลัง ในอนาคตถ้าหากเกิดคดีเช่นนี้อีก ฝ่ายญี่ปุ่นจะถือว่าเป็นการขัดขวางต่อการดำเนินการยุทธของกองทัพญี่ปุ่น และจะดำเนินการโดยพลการในสถานที่นั้นๆ โดยประเทศไทยต้องรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
ภายใต้การคุกคามของทหารญี่ปุ่น จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้มีคำสั่งแต่งตั้งกรรมการพิจารณาหาทางป้องกันเหตุแทรกแซงระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2485 และได้กำหนดมาตรการที่ฝ่ายไทยนำมาใช้เพื่อป้องกันเหตุแทรกแซงทางการเมือง คือ
- สั่งหน่วยสารวัตรไทย ที่ตั้งค่ายอยู่บริเวณใกล้เคียง อำเภอบ้านโป่งถอนกำลังกลับเพื่อป้องกันเหตุลุกลาม
- ให้จัดการย้ายข้าหลวงประจำจังหวัดราชบุรี นายอำเภอบ้านโป่ง ผู้กำกับการตำรวจภูธรราชบุรี นายตำรวจ ตลอดจนนายสิบและพลตำรวจ จากสถานีบ้านโป่งประมาณครึ่งหนึ่งไปราชการที่อื่น และให้โยกย้ายสับเปลี่ยนข้าหลวงประจำจังหวัดกาญจนบุรี และนายอำเภอต่างๆ ในจังหวัดกาญจนบุรีด้วย
 ต่อมาในวันที่ 31 ธันวาคม 2485 มีประกาศให้ อำเภอบ้านโป่ง, ลูกแก, ท่าเรือน้อย, อำเภอท่าม่วง และทุกอำเภอในจังหวัดกาญจนบุรีเป็นเขตทหาร ให้ชาวต่างด้าวย้ายออกจากเขตห้ามทางทหารภายใน 10 วัน ผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุก หรืออาจมีโทษถึงตายในข้อหาก่อความไม่สงบ
ต่อมาในวันที่ 31 ธันวาคม 2485 มีประกาศให้ อำเภอบ้านโป่ง, ลูกแก, ท่าเรือน้อย, อำเภอท่าม่วง และทุกอำเภอในจังหวัดกาญจนบุรีเป็นเขตทหาร ให้ชาวต่างด้าวย้ายออกจากเขตห้ามทางทหารภายใน 10 วัน ผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุก หรืออาจมีโทษถึงตายในข้อหาก่อความไม่สงบการประกาศเขตห้ามทางทหารเช่นนี้ อีก 2 เดือนต่อมายังได้ขยายไปใช้ใน 7 จังหวัดภาคเหนือตอนบนอีกด้วย ซึ่งได้ทำให้ชาวจีนในเขตเหล่านี้ นับจำนวนหลายแสนคนต้องอพยพลี้ภัยและได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความคิดชาตินิยม ของรัฐบาล จอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่ร่วมกับญี่ปุ่นต่อต้านชาวจีนเป็นอย่างดี.
ที่มา :
ข้อมูล : ดำริห์ เรืองสุธรรม. (2544). ขบวนการแรงงานไทยในการต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2. กรุงเทพ ฯ : สุขภาพใจ. (หน้า 106-107)
ภาพ :
-http://statics.atcloud.com/files/comments/54/542614/images/1_original.jpg
-http://www.reurnthai.com/rtimages/RW2101x6.jpg
-http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/555/9555/images/IMG_7803.jpg
ข้อมูล : ดำริห์ เรืองสุธรรม. (2544). ขบวนการแรงงานไทยในการต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2. กรุงเทพ ฯ : สุขภาพใจ. (หน้า 106-107)
ภาพ :
-http://statics.atcloud.com/files/comments/54/542614/images/1_original.jpg
-http://www.reurnthai.com/rtimages/RW2101x6.jpg
-http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/555/9555/images/IMG_7803.jpg
 
 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น